วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผู้หญิงกับดัมเบล

 การลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วนที่ดีและเห็นผลเร็วที่สุด คือ การเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อให้มีมากขึ้นและแข็งแรง เพื่อให้มวลกล้ามเนื้อทำการเผาผลาญไขมันได้ดี เครื่องมือที่เห็นผลที่สุดสำหรับการเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรงก็คือการออกกำลังกายด้วยการยกดัมเบลครับ สาวๆ หลายๆ คนอาจมีความกังวล หรือความเชื่อต่างๆ นาๆ ที่ได้ยิน หรือคิดเอาเองผิดๆ เกี่ยวกับการยกดัมเบล วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจและแก้ไขความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการยกดัมเบลกันครับ
 ความเชื่อที่ 1 : การยกดัมเบล จะทำให้หุ่นของฉันกลายเป็นแบบนักยกน้ำหนักหรือนักเล่นกล้ามแบบที่เห็นในทีวี 

นี่น่าจะเป็นความเชื่อหรือความคิดที่ผิดอันดับต้นๆ สำหรับสาวๆ หลายๆ คนค่ะ เพราะว่าการยกดัมเบลนั้น ไม่ได้ใช้น้ำหนักมาก โดยปกติจะใช้น้ำหนักเพียง 1-5 กิโล (สำหรับผู้หญิง) และ (3-15 กิโลสำหรับผู้ชาย) เพราะว่าเราไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะยกน้ำหนักเป็นร้อยๆ กิโล แต่เราต้องการให้ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อให้มากขึ้น แข็งแรงขึ้น เพื่อที่จะได้เผาผลาญไขมันตามจุดต่างๆ ได้ดีขึ้นครับ 
การที่เราจะมีกล้ามใหญ่โตได้นั้น จะมีฮอร์โมน เทสโทสเทอโรน มาเกี่ยวข้องค่ะ เนื่องจากว่า ในผู้หญิงนั้นจะผลิตฮอร์โมน เทสโทสเทอโรน ได้น้อยกว่าผู้ชายหลายเท่าตัวค่ะ โดยฮอร์โมน เทสโทสเทอโรน นี้จะมีผลต่อการสร้างกล้ามเนื้อให้ใหญ่ขึ้น โดยปกติผู้ชายจะมีอัตราการสร้างฮอร์โมนชนิดนี้มากกว่าผู้หญิงถึง 30 เท่า ดังนั้นไม่มีทางที่ผู้หญิงธรรมดายกดัมเบลแล้ว หุ่นจะกลายเป็นแบบนั้นได้ในกรณีเดียวคือคุณใช้สารสเตียรอยด์เท่านั้นครับ

ความเชื่อที่ 2 : การยกดัมเบล จะทำให้แขนฉันต้องมีกล้ามเป็นก้อนๆ ไม่งามแน่ๆ เลย

เป็นความเชื่อที่ผิดอีกเช่นกันครับ เนื่องจากกล้ามเนื้อท้องแขนของผู้หญิงนั้น โดยมากจะมีน้อยกว่าเพศชายมาก ทดสอบด้วยการยื่นแขนออกไปด้านหน้า งอข้อศอกเล็กน้อยแล้วลองสะบัดแขนไปมา จะเห็นว่าท้องแขนด้านล่างจะมีการเคลื่อนไหวไปมา นั้นคือไขมันค่ะ ไม่ใช่กล้ามเนื้อ! เมื่อคุณยกดัมเบลเพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณท้องแขนมีความแข็งแรง กล้ามเนื้อจะทำการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ส่วนที่หายไปนั้นจะถูกกระชับมากขึ้น ไม่มีทางที่จะกลายเป็นก้อนกล้ามเนื้อเหมือนแขนผู้ชายได้ครับ


ความเชื่อที่ 3 : การยกดัมเบล จะทำให้ตัวเตี้ยลง

เป็นความเชื่อที่ผิดอีกเช่นกันค่ะ เพราะน้ำหนักที่ใช้นั้นไม่มีผลต่อการสูงขึ้นของร่างกายค่ะ จะสูงหรือเตี้ย มีปัจจัยอื่นๆ มาเกี่ยวข้องมากกว่าค่ะ เช่น พันธุกรรม การทานอาหาร และการออกกำลังกายอื่นๆ ประกอบกันครับ 


ความเชื่อที่ 4 : การยกดัมเบล ถ้าเลิกยกแล้วตัวจะเหี่ยว

หากคุณเสริมสร้างกล้ามเนื้อจนแข็งแรงแล้วและหยุดเล่น กล้ามเนื้อที่สร้างขึ้นมาแล้วไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ เพียงแต่ว่ากล้ามเนื้อเมื่อไม่ได้ให้มันทำงานต่อเนื่อง การทำงานก็อาจจะทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นปัญหาตัวเหี่ยว จึงไม่ได้เกิดจากการที่หยุดยกดัมเบล แต่เกิดจากไขมันที่เรากินเข้าไปในแต่ละมื้อมีมากเกินกว่าที่กล้ามเนื้อจะเผาผลาญได้ทัน จึงไปสะสมไว้ เมื่อเรากลับมายกดัมเบลอีกครั้ง กล้ามเนื้อก็จะทำงานได้ดีขึ้น ไขมันก็จะถูกเผาผลาญไปครับ


ความเชื่อที่ 5 : การยกดัมเบล จะทำให้หน้าอกเล็กลง

ปัญหาหน้าอกเล็กลงนั้นไม่ได้เกิดจากการยกดัมเบล การยกดัมเบลกลับจะมีผลทำให้หน้าอกเต่งตึง และกระชับมากยิ่งขึ้น การที่หน้าอกเล็กลงนั้น อาจเป็นเพราะว่า คุณอ้วนและมีไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าอกมากกว่า เพราะเมื่อเรามีไขมันมาก ไขมันก็จะเกาะตามจุดต่างๆ ตามร่างกาย เช่น หน้าอก เนื้อบริเวณรอบอก ซึ่งจะเป็นชั้นไขมัน ดังนั้นเราจึงคิดไปเองว่า หน้าอกของเราใหญ่ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ค่ะ ที่ใหญ่นั้นคือ ไขมันทั้งนั้นค่ะ สังเกตได้ว่า หน้าอกของเราใหญ่จริง หรือว่าใหญ่เพราะอ้วน คือ หากหน้าอกของเรามีความเต่งตึง ได้รูป และไม่หย่อนคล้อย เมื่อจับเนื้อบริเวณใต้ราวนมจะไม่เหลว ดังนั้นหากคุณอกใหญ่ไปด้วยไขมันแล้วละก็ เมื่อไปออกกำลังกายด้วยการยกดัมเบล กล้ามเนื้อบริเวณอก รวมไปถึงบริเวณโดยรอบ มีความแข็งแรงมากขึ้น ก็จะกระชับ และสลายไขมันส่วนเกินออกไปค่ะ หน้าอกของคุณจะกระชับ ทำให้ดูเซ็กซี่มากขึ้น หน้าอกไม่ได้หดหายไปไหนหรอกครับ